วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2552

คนไร้ค่า" กับ "ทำตัวไร้ค่า" ต่างกันมั้ย

ไม่มีใครเกิดมาไร้ค่า แม้แต่คนโง่ที่สุดยังฉลาดในบางเรื่อง และคนฉลาดที่สุดก็ยังโง่ในหลายเรื่อง
ไม่มีอะไรเสียเวลาไปมากกว่า การคิดที่จะย้อนกลับไปแก้ไขอดีต ไม่เคยมีอะไรช้าเกินไป ที่จะทำใหสิ่งที่ตนฝัน
คนที่ไม่เคยหิวย่อมไม่ซาบซึ้งรสของความอิ่ม
ความสำเร็จที่ผ่านความล้มเหลวย่อมหอมหวานกว่าเดิม อันตรายที่สุดของชีวิตคนเราคือ การคาดหวัง
อย่ายอมแพ้ ถ้ายังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่ เหตุผลขอคนๆ หนึ่ง อาจไม่ใช่เหตุผลของคน อีกคนนึง ถ้าคุณไม่ลองก้าว คุณจะไม่มีทางรู้เลยว่า ทางข้างหน้าเป็นอย่างไร
ปัญหาทุกอย่างล้วนอยู่ที่ตัวเราทั้งสิ้น ยินดีกับสิ่งที่ได้มา และยอมรับกับสิ่งที่เสียไป หลังพายุผ่านไป
ฟ้าย่อมสดใสเสมอ มีแต่วันนี้ที่มีค่า ไม่มีวันหน้า วันหลัง คนเราไม่ต้องเก่งไปทุกอย่าง แต่จงสนุกกับงานทุกชิ้นที่ได้ทำ หัวใจของการเดินทางไม่ได้อยู่ที่จุดหมาย หากอยู่ที่ประสบการณ์สองข้างทาง .. มากกว่า

นิสัยกับการใส่รองเท้า

1. รองเท้าแตะ
คนที่ชอบใส่รองเท้าแตะ ชีวิตดูจะเป็นคนเรียบง่าย สบายๆ ไม่ชอบความหรูหราฟุ่มเฟือย ชอบการท่องเที่ยวแบบตั้งแคมป์ลุยๆ


2. รองเท้าหนัง
คนที่ชอบใส่รองเท้าหนัง เป็นคนที่ชอบความเลิศหรู ชอบความทันสมัย แต่เป็นคนที่ช่างเอาอกเอาใจ ใส่ใจทุกรายละเอียด


3. รองเท้ากีฬา
คนที่ชอบใส่รองเท้ากีฬา เป็นคนที่ชอบเทคแคร์คนอื่น และชอบให้ความช่วยเหลือ ชอบเล่นกีฬาเป็นชีวตจิตใจ


4. รองเท้าบู้ท
คนที่ชอบใส่รองเท้าบู้ท เป็นคนที่รักความก้าวหน้า มีความมุ่งมั่นมาก เมื่อตั้งใจทำสิ่งใดแล้วจะใจจดใจจ่ออยู่กับสิ่งนั้น จนสำเร็จลุล่วงดังใจ ชอบเทคโนโลยีสมัยใหม่ และเป็นคนที่ดูสุขุมใจเย็น

วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2552

คาดรูปทรงผู้หญิงในอนาคตจะเปลี่ยนไป !!

นักวิทยาศาสตร์กล่าวทำนายว่า

ผู้หญิงในอนาคตจะมีรูปทรงอ้วนท้วนขึ้น เตี้ยลง และสามารถให้กำเนิดบุตรได้ดีขึ้น...อาจารย์สเตเฟน สเติร์นส กับคณะแห่งมหาวิทยาลัยเยล ของสหรัฐฯ กล่าวในรายงานผลศึกษาว่า "ที่แล้วมา ความก้าวหน้าทางการแพทย์ ได้ช่วยปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพของมนุษย์ แต่มนุษย์ก็ยังไม่พ้นจากอิทธิพลทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ ที่เชื่อว่าวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ตัวที่แข็งแรงกว่าสามารถมีชีวิตอยู่รอดได้ ส่วนตัวที่อ่อนแอกว่า จะถูกกำจัดไปเสียทีเดียว"ถึงจะมีความคิดแย้งว่า เพราะการแพทย์ก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก จนลดอัตราการเสียชีวิตลงได้ ซึ่งหมายความว่า การคัดเลือกโดยธรรมชาติหมดอิทธิพลกับมนุษย์ลงเขากับคณะได้ลงมือศึกษา เพื่อต้องการหาให้รู้ว่า การคัดเลือกโดยธรรมชาติยังคงเหลืออิทธิพลต่อร่างกายมนุษย์อยู่อีกหรือไม่ กล่าวในรายงานผลต่อไปว่า "วิวัฒนาการของมนุษย์ยังไม่หยุดนิ่ง เราน่าจะวิวัฒนาการอยู่อย่างหยาบๆ เท่าๆกับสิ่งมีชีวิตอื่น ในอัตราเฉลี่ยเท่ากับพืชและสัตว์อื่นๆ โดยที่การคัดเลือกโดยธรรมชาติก็ยังคงดำเนินอยู่".

ทำไมวันฮาโลวีนต้องมี '' ฟักทอง ''

หลายคนอาจจะมองว่าวันฮาโลวีน เป็นเทศกาลของต่างประเทศ ไม่ใช่เทศกาลของไทย แต่ว่าถ้าเราจะร่วมสนุกกับเทศกาลนี้ก็คงไม่ผิดอะไรหรอก หรือถ้ากลัวว่าจะเสียดุลต่างชาติล่ะก็ เราก็แต่งเป็น "ผีไทย" ก็ได้นี่คะ ผีไทยมีให้เลือกตั้งหลายแบบแน่ะ จะหลอนแบบไหนก็จัดไปให้เต็มที่เลย
ว่าแต่ถ้าจะพูดถึง "วันฮาโลวีน" แล้ว สิ่งนึงที่เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ "ฟักทอง" ... อืม ว่าแต่ทำไมนะ ฟักทอง เกี่ยวข้องอะไรกับวันฮาโลวีนเนี่ย??? อยากรู้รึเปล่า ... ว่าเรามาหาคำตอบกันดีกว่า
... เรื่องราวของฟักทองกับวันฮาโลวีนนั้น มีเรื่องราวเล่ากันมาจากนิทานปรัมปราของชาวไอริชที่เล่าถึง แจ๊คจอมตืด ซึ่งเป็นนักเล่นกลจอมขี้เมา วันหนึ่งเขาหลอกล่อปีศาจขึ้นไปบนต้นไม้ และเขียนกากบาทไว้ที่โคนต้นไม้ ทำให้ปีศาจลงมาไม่ได้ จากนั้นเขาได้ทำข้อตกลงกับปีศาจ "ห้ามนำสิ่งไม่ดีมาหลอกล่อเขาอีก" แล้วเขาจะปล่อยปีศาจลงจากต้นไม้ เมื่อแจ็คตายลง เขาปฏิเสธที่จะขึ้นสวรรค์ ขณะเดียวกันปฏิเสธที่จะลงนรก ปีศาจจึงให้ถ่านที่กำลังคุแก่เขา เพื่อเอาไว้ปัดเป่าความหนาวเย็นท่ามกลางความมืดมิด และแจ็คได้นำถ่านนี้ใส่ไว้ในหัวผักกาดเทอนิพที่ถูกเจาะให้กลวง เพื่อให้ไฟลุกโชติช่วงได้นานขึ้น ชาวไอริชจึงแกะสลักหัวผักกาดเทอนิพ และใส่ไฟในด้านใน อันเป็นอีกสัญลักษณ์ของวันฮาโลวีน เพื่อระลึกถึง "การหยุดยั้งความชั่ว" Trick or Treat เพื่อส่งผลบุญให้กับญาติผู้ล่วงลับ และพิธีทางศาสนาเพื่อทำบุญวันปีใหม่ แต่เมื่อมีการฉลองฮาโลวีนในสหรัฐอเมริกา ชาวอเมริกาพบว่า ฟักทองหาง่ายกว่าหัวผักกาดมาก จึงเปลี่ยนมาใช้ฟักทองแทน หัวผักกาดจึงกลายเป็นฟักทองด้วยเหตุผลนี้เอง
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งเรื่องเล่าที่คล้ายคลึงกันเกี่ยวกับ ซาตานกำลังจะไปรับวิญญาณของคนเจ้าเล่ห์ที่ชื่อว่าเเจ็ค (อีกแล้ว) แจ๊คจึงชวนให้ซาตานดื่มเหล้าด้วยกัน และหลอกล่อให้ซาตานแปลงร่างเป็นเหรียญเพื่อนำไปจ่ายค่าเหล้า และแจ็คก็นำเหรียญนั้นไปใส่รวมไว้กับไม้กางเขน ทำให้ซาตานแปลงกลับมาเป็นร่างเดิมไม่ได้ ซาตานจึงต้องสัญญากับเเจ๊คว่าจะไม่มายุ่งกับเขาอีกเป็นเวลาหนึ่งปี และถ้าเขาตายเมื่อไหร่ ซาตานก็ไม่มีสิทธิเอาวิญญาณของเขาไป จากนั้นหนึ่งปีผ่านไป ซาตานก็กลับมาอีก คราวนี้เเจ็คหลอกล่อให้ซาตานปีนไปเก็บแอปเปิ้ลบนต้น และแอบสลักรูปกางเขนไว้บนต้นแอปเปิ้ล ซาตานจึงลงมาไม่ได้ และถูกบังคับให้สัญญาอีกตามเคยว่าจะไม่มายุ่งกับแจ๊คไปอีกสิบปี สิบปีผ่านไปนายแจ๊คตายลงแต่สวรรค์ก็ไม่ต้อนรับเพราะเป็นคนเจ้าเล่ห์ นรกก็ไปไม่ได้เพราะดันบังคับให้ซาตานสัญญาไว้ จึงต้องกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน มีเพียงก้อนถ่านที่ซาตานให้ไว้คอยส่องแสงนำทาง และเพื่อรักษาถ่านให้ส่องสว่างนานที่สุด วิญญาณของนายแจ็คจึงคว้านหัวผักกาดแล้วใส่ก้อนถ่านลงไป คนไอริชจึงเรียกผีแจ็กกับตะเกียงว่า Jack of Lantern (และเพี้ยนมาเป็น Jack O'Lantern) ต่อมาเมื่อถึงวันฮัลโลวีนชาวเมืองจึงทำตะเกียงแจ็กด้วยการแกะสลักหัวผักกาดให้เป็นหน้าตาน่ากลัว นำไฟใส่ไว้ด้านในเพื่อขับไล่ผีแจ็กและวิญญาณต​่างๆ จนภายหลังก็เปลี่ยนจากการใช้หัวผักกาดมาเป็นฟ​ักทองเพราะหาได้ง่ายกว่า

ทำไมถึงเกิดมาเป็นเเฝด

แฝดคู่แรกของประเทศไทยก็คือ อิน - จัน พ . ศ . 2354
เกิดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ฝาแฝด อิน - จัน ฝาแฝดไทย อิน - จัน เป็นฝาแฝดตัวติดกัน เป็นแฝดคู่แรกของโลกอิน กับจัน เป็นเด็กฝาแฝดติดกันคู่แรกของโลกที่มีอายุยืนยาวที่สุดถึง 62 ปีและได้รับบันทึกลงในกินเนสส์บุ๊ก แต่ก่อนฝรั่งไม่เคยพบเห็นเด็กฝาแฝดที่มีร่างกายติดกันพอมาพบเด็กแฝดชาวไทย ชื่ออินกับจัน จึงเรียกเด็กฝาแฝดติดกันว่า Siamese Twin(Siamese = ชาวสยาม, Twin = ฝาแฝด)เมื่อปลายรัชกาลที่ 3 มีเด็กคลอดออกมาจากครรโภทรหญิงชื่ออำแดงไข่(อำแดงเป็นคำนำหน้าเรียกหญิงสมัยก่อน) เป็นภรรยาชาวจีนมีอาชีพขายหอมกระเทียมอำแดงไข่เป็นชาวบางช้าง เมื่อคลอดออกมาแล้วเด็กนั้นเป็นชายทั้งคู่มีสายสะดือติดกันห่างยาวหนึ่งศอกกับสี่นิ้ว เด็กนั้นหน้าเหมือนกันราวกับพิมพ์เดียวกันฝ่ายมีสเตอร์ฮันเดอร์ชาวอังกฤษ ตั้งห้างอยู่หน้าวัดประยูรวงศ์มีสเตอร์ฮันเดอร์ของซื้อเด็กนั้นจากบิดามารดาเป็นเงินพันบาทครั้นต่อมามีกัปตันเรือค้าขายของอังกฤษเข้ามากรุงเทพฯกัปตันผู้นั้นซื้อเด็กแฝดไปจากมีสเตอร์ฮันเตอร์ในราคาประมาณหมื่นบาทกัปตันผู้นั้นพาเด็กฝาแฝดไปขายให้ชาวอเมริกาหลายหมื่นบาทชาวอเมริกาผู้นั้นพาเด็กฝาแฝดไปสำแดงกาย ให้มหาชนดูจนได้เงินหลายแสนหลายโกฏิภายหลังเด็กนั้นใหญ่จนมีอายุได้มากแล้วก็มีภรรยาเป็นชาวอเมริกันทั้งสองคนนั้น มั่งมีสีสุกเป็นเศรษฐีใหญ่ คนพี่มีบุตร 6 คน คนน้องมีบุตร 9 คน ใน พ . ศ . ระหว่างเดินทางจากลิเวอร์พูลไปนิวยอร์ก จันป่วยกระเสาะกระแสะอยู่แล้ว ก็เกิดเป็นอัมซีกขวา นอกจากป่วยแล้วจันยังหูหนวกและดื่มจัดอีกด้วย สุขภาพของอินจึงพลอยเสื่อมโทรมลงด้วย ในวันที่ 12 มกราคม 2414 จันก็ป่วยเป็นโรคหลอดลมอักเสบรุนแรง วันที่ 17 มกราคม 2417 จันก็เสียชีวิตลงพออินรู้ว่าจันตายก็ตกใจอย่างสุดขีด และสองชั่วโมงต่อมาอินก็สิ้นใจเพราะความกลัว รวมอายุได้ 63 ปีปัจจุบันนี้มีผู้สืบเชื้อสายรุ่นเหลน และโหลนของ ฝาแฝดอิน จัน ที่มีชีวิตอยู่มากกว่าหนึ่งพันคนน.ส.ทันย่า รีส และนางเบ็ตตี้ บุนเกอร์ แบล็คมัน (ซึ่งเป็นผู้สืบเชื้อสายของ อิน และจัน)เล่าว่า.."ครอบครัวของอินจันมีลูกหลานฝาแฝดถึง 4 คู่ แต่ไม่มีคู่ไหนร่างกายติดกันส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในนอร์ธแคโรไลน่า ประเทศสหรัฐอเมริกาบางคนเป็นดำรงตำแหน่งสำคัญในสหรัฐฯเช่น ประธาน Union Pacific railroadและนายพลแห่งฐานทัพอากาศสหรัฐฯส่วนน.ส.ทันย่า รีส นั้นดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของสภาศิลปะเซอเรย์ในเมาท์แอรี่ นอร์ธแคโรไลน่าลูกหลานของ อิน กับ จัน ส่วนใหญ่จะใช้นามสกุล บุนเกอร์ หรือบังเกอร์ที่เป็นเช่นนี้เพราะ อิน กับ จัน ใด้นามสกุลนี้จากเพื่อนบ้านนั้นเองเรียบเรียงจากหนังสือสยามประเภท ของ ก.ศ.ร.กุหลาบ

ทำไมหน้าหนาวมืดเร็ว หน้าร้อนมืดช้า

แกนโลกจะเอียงเข้าหาดวงอาทิตย์ในขณะที่หมุนรอบดวงอาทิตย์ โดยในรอบ 1 ปี จะมีการแบ่งโซนการหันเอียงเข้าหาดวงอาทิตย์เป็น 12 โซน ก็คือ 12 เดือน โดยเริ่มจากเดือน มกราคม จะหันเอียงโซนไต้ของโลกเข้าหาดวงอาทิตย์ บรรยากาศในโซนนั้น เช่นทวิป อันทากติก ก็จะอุ่น คือหน้าร้อน จะเห็นพระอาทิตย์เกือบ 24 ชั่วโมง ส่วนทางเหนือของโลก ที่เรียวว่าขั้วโลกเหนือ จะไม่เห็นพระอาทิตย์เลย เพราะความกลมของโลกระดับเส้นศูนย์สูตร บดบัง แต่ยังพอเห็นความสว่างเพีงแค่รำไร แต่ไม่เห็นดวงอาทิตย์ เช่นเดียวกับประเทศที่อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร ก็จะเห็นพระอาทิตย์น้อยลง ขึ้นอยู่ว่าไกลใกล้กับส้นศูนย์สูตรเท่าใด เช่น ประเทศในแถบเอเซีย เช่นประเทศไทย จะเริ่มเห็นพระอาทิตย์ประมาณ 6 โมงครึ่ง พระอาทิตย์ตก 6 โมง ประเทศทางแถบยุโรป พระอาทิตย์จะขึ้น ก็ 10 โมงเช้า พอ 3 โมงเย็นก็หายไปแล้วเดือนกุมภาพันธ์ พระอาทิตย์ก็จะมาอยู่แถวๆ ออสเตรเลีย มีนาคม ก็จะมาอยู่เหนือประเทศฟิลิปินส์ เมษายน ก็จะมาอยู่เหนือประเทศไทย พฤษภาคม ก็จะไปอยู่เหนืออินเดีย มิถุนายน ก็จะอยู่เหนือเมืองจีน ทางโน้นก็ร้อนตับแตก ตี 3 พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว กว่าจะลับฟ้าก็ 4 ทุ่ม ส่วนที่ขั้วโลกเหนือ ก็จะเห็นพระอาทิตย์ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เหมือนขั้วโลกใต้ เพราะแกนโลกเอียง 11 เปอร์เซ็นต์ แล้วแนวพระอาทิตย์ก็จะไล้ลงใต้อีก ผ่านประเทศไทยอีกครั้งก็เดือนสิงหาคม แต่ตอนนั้นมันไม่ร้อนบ้าเลือดอย่างเดือนเมษาเพราะเป็นหน้าฝน ยังพอมีน้ำฝนและเมฆบดบังแสงอาทิตย์ได้บ้าง ลองเอาส้มหรือลูกบอลล์ มาทดลองกับหลอดไปดู เอาแกนใต้หันเข้าหา และค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแกนเหนือ ในขณะที่หมุนลูกทรงกลมนี้ไปเรื่อยๆ จะได้คำตอบว่าทำไมหน้าหนาว กลางคืนสั้นกว่ากลางวันและหน้าร้อนกลางวันยาวกว่ากลางคืน

ทำไมเครื่องบินไทยต้องใช้คำว่า HS

เคยสังเกตกันบ้างไหมว่า เครื่องบินในประเทศไทยได้ใช้สัญลักษณ์การลงทะเบียนอากาศยานที่จดทะเบียนในประเทศไทยที่ขึ้นต้นด้วย HS หรือที่เรียกกันว่า Hotel Sierra กันนั้น มีประวัติมาจากหนใดกัน

ประเทศที่ขอ Prefix ได้ในช่วงเวลาใกล้ๆกับประเทศไทย ก็มักจะเลือกสัญญาณเรียกขานที่บ่งถึงประเทศตัวเอง เช่น ญี่ปุ่น หรือ JAPAN ได้ JA ส่วน Germany ซึ่งเรียกตัวเองว่า ดอยช์แลนด์ ก็ได้ DL แล้วคำว่า HS ที่นำหน้าสถานีของประเทศไทยนั้นหมายความว่าอย่างไร

ท่านอาจารย์อุดม จะโนภาษเขียนไว้ว่า "เรื่องนี้ พระวรวงค์เธอพระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร ไชยากรณ์ ซึ่งเป็นโอรสของเสด็จในกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เล่าให้ฟังว่า ในขณะนั้นยังมีอักษรอื่นก่อนตัว HS ที่ทรงเลือกอักษร HS เพราะจะให้มีความหมายว่า "His Majesty The King Of SIAM " ในสมัยนั้นประเทศไทยยังเรียกว่า SIAM อยู่ เวลาเรียกขานทางวิทยุทีหนึ่งก็จะได้เป็นการถวายความเคารพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประเทศไทยจึงมีสัญญาณเรียกขาน ว่า HS ตั้งแต่บัดนั้นมา สถานีโทรทัศน์ เช่น สถานีโทรทัศน์กองทัพบก มีสัญญาณเรียกขานทางวิทยุว่า HSATV ฯลฯ"

ทำไมต้องให้ดอกกุหลาบในวันวาเลนไทน์

ด้วยความที่กุหลาบมีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลแล้วละ จึงทำให้ความสวยงามของดอกและกลิ่นอันชวนพิสมัยของราชินีแห่งดอกไม้นี้เป็นที่เลื่องลือมาช้านาน และล้วนกล่าวถึงความงามเป็นสื่อที่แสดงถึงความสุข ความมีไมตรีจิต ความน่ารักความสวยงาม การบูชา และการเกี้ยวพาราสี ดังนั้น กุหลาบจึงเป็นเสมือนตัวแทนแห่งความรัก และความอมตะจนมีตำนานกล่าวขานกันต่างๆ นานา ตั้งแต่สมัยกรีก ตำนานเล่าว่า "คลอรีส" เทพธิดาแห่งดอกไม้ ได้บันดาลให้ร่างของนางไม้กลายเป็นกุหลาบ และยกให้เป็นราชินีของดอกไม้ จากนั้นต่อมาก็มีการมอบดอกกุหลาบแก่ "อีรอส" ลูกชาย ซึ่งเป็นเทพแห่งความรัก
ส่วนในศาสนาคริสต์เชื่อกันว่า ในสมัยที่พระเยซูถูกตรึงไม้กางเขนอยู่นั้น พระโลหิตได้ไหลหยดลงบนต้นหญ้ามอสส์และได้บังเกิดเป็นต้นกุหลาบที่มีดอกสีแดงสด จึงมีการเรียกขานกุหลาบชนิดนี้ว่า "กุหลาบมอสส์"
นอกจากนี้ยังมีการสู้รบกันระหว่าง 2 ตระกูลใหญ่ คือราชวงศ์ยอร์ค ซึ่งใช้สัญลักษณ์เป็นดอกกุหลาบขาว และราชวงศ์แลงแคสเตอร์ ใช้ดอกกุหลาบแดงเป็นสัญลักษณ์ และได้เรียกสงครามครั้งนี้ว่า "สงครามกุหลาบ" ซึ่งเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 1948-2028 และในสมัยต่อมาพวกกุหลาบแดงได้มาแต่งงานกับพวกกุหลาบขาว ซึ่งในปัจจุบันกุหลาบได้ถือเป็นดอกไม้ประจำชาติของชาวอังกฤษ นี่แหละถ้าทุกคนมีความรักให้แก่กันแล้วโลกจะสงบสุขแน่นอน:)
เรามาดูกันในประเทศไทยบ้าง มีเรื่องราวเล่าขานถึงความงดงามของดอกกุหลาบไว้โดยปรากฏอยู่ในพระราชนิพนธ์ของพระมหาธีราชเจ้า รัชกาลที่ 6 ในเรื่อง "มัทนะพาธา" หรือ "ตำนานดอกกุหลาบ" ซึ่งได้ปรากฏชัดว่า ดอกกุหลาบได้กลายเป็นดอกไม้ที่นิยมไปทั่วโลก


เรามาย้อนอดีต...กุหลาบ...ราชินีแห่งบุปผชาติกันเถอะ


ด้วยความโดดเด่นของรูปโฉมอันพิลาส กอปรกับกลิ่นหอมที่มีเสน่ห์เย้ายวนชวนให้น่าหลงไหล กุหลาบจึงเป็นดอกไม้ที่นิยมมาตั้งแต่อดีตกาล โดยสันนิษฐานว่า กุหลาบถือกำเนิดมาตั้งแต่สมัย Taceous หรือเมื่อประมาณ 40 ล้านปีมาแล้ว โดยดูได้จากซากฟอสซิลที่ขุดพบโดยนักวิทยาศาสตร์ แต่หลักฐานที่ปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัดแน่นอนจะอยู่ในราว 5,000 ปี ที่ผ่านมาค่ะ ตั้งแต่สมัย สุเมเรียน (Sumerians)โดยนักโบราณคดีชาวอังกฤษได้ขุดค้นพบน้ำที่มีกลิ่นกุหลาบในหลุม ศพของกษัตริย์ในสมัยนั้น นอกจากนี้ยังค้นพบเครื่องประดับของชาวสุเมเรียน ซึ่งมีรูปทรงเป็นดอกกุหลาบทำด้วยทองคำ
แต่ในบางแหล่งได้กล่าวไว้ว่า กุหลาบมีกำเนิด ณ เทือกเขาคอเคซัส ประเทศเปอร์เซีย หรืออิหร่านในปัจจุบันและมีชื่อเรียกดอกไม้ชนิดนี้ว่า "คุล" Gol หรือ Gul ซึ่งแปลว่า ดอกไม้ และคำว่า "คุลาพ" หมายถึง กุหลาบอย่างที่คนไทยเราเรียกกัน



สำหรับประเทศไทยไม่ทราบแน่ชัดว่า มีกุหลาบมาตั้งแต่สมัยใด หากแต่มีการบันทึกของราชทูตฝรั่งเศส ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ว่าได้เห็นดอกกุหลาบอยู่ในกรุงศรีอยุธยา และอีกหลายแห่งที่ปรากฎหลักฐานว่า มีกุหลาบเข้ามาเมือง-ไทยแล้วก็คือ กาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศก ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ที่ได้กล่าวถึงความงามของดอกกุหลาบไว้ด้วย

ทำไมต้องให้ดอกกุหลาบในวันนี้กัน ประเพณีของหนุ่ม-สาวชาวอาทิตย์อุทัย หรือชาวญี่ปุ่นนั่นเองจะแตกต่างกับชาติอื่นๆ คือในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ หรือ วันวาเลนไทน์ สาวๆ จะเป็นคนให้ช็อกโกเลต (Chocolate) รูปหัวใจขนาดเล็ก-ใหญ่แล้วแต่ความชอบน้อย-มาก ตัวเองทำเองแก่หนุ่มๆ ที่เธอชอบเรียกว่าวันนั้นหนุ่มๆ ยิ้มกันแก้มปริกันเป็นแถวเลยจ้ะ หลังจากวันนั้นอีกหนึ่งเดือนคือวันที่ 14 มีนาคมหนุ่มๆ ก็จะมอบดอกกุหลาบ เพื่อเป็นการขอบคุณสาวผู้ให้ สำหรับในเมืองไทยนั้นเท่าที่เห็นส่วนใหญ่ผู้ชายมักจะเป็นฝ่ายให้ดอกกุหลาบกับผู้หญิงมากกว่า

กำเนิดไอศกรีมโคน ^^

ไอศกรีมโคนทำให้พวกเราเอร็ดอร่อยทั้งเด็ก และผู้ใหญ่แต่ก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าใครเป็นคนคิดค้นไอศกรีมโคนขึ้นมาให้เรากิน

ต้นกำเนิดการค้นพบโคน..ยังสับสนอยู่หลายตำนานบ้างก็ว่า ชาวอิตาเลียนอพยพ ชื่อนาย อิตาโล มาร์ชิโอนี ผู้จดสิทธิบัตรถ้วยวาฟเฟิลที่กินได้ในปี ค.ศ.1903
เขาบอกว่าเขาทำโคนมาตั้งแต่ 22 กันยายน ค.ศ.1886 เพื่อเสิร์ฟกับไอสกรีม ที่ถนนวอลล์สตรีท ในกรุงนิวยอร์ก แต่แมรี่ ลู เมนช์ส บอกว่าคนที่คิดค้นเป็นปู่ของเธอเอง ชื่อ ชาร์ลส์ โรเบิร์ตและน้องชาย ทั้งคู่คิดค้นไอศกรีมโคนขึ้นมาในปี ค.ศ. 1904


ตอนขายไอศกรีมอยู่ในงานเทศกาลที่เซนต์หลุยส์ มิสซูรี "...มีเรื่องเล่ามากมายเลยค่ะ บางคนบอกว่าจานสำหรับใส่ไอศกรีมหมดและเนื่องจากร้านขายไอศกรีมอยู่ติดกับร้านวาฟเฟิล (ขนมรังผึ้ง)พวกเขาก็เลยตักไอศกรีมใส่วาฟเฟิลแทน และมันก็เข้าท่าดี" ตำนานอีกเรื่องคล้ายๆ กันคือชาย ชื่อฮัมวีเป็นคนอบขนมปังอพยพ ชาวซีเรียที่อ้างว่าไปขายขนมในงานเดียวกันเขาได้ความคิดตอนที่ร้านขายไอศกรีมที่อยู่ข้างๆ จานหมด !!เขาเลยม้วนเวเฟอร์ของเขาที่เรียกว่า ซาลาเบีย ตอนที่ยังร้อนๆแล้วปล่อยให้เย็นเพื่อขายให้ร้านไอศกรีมเอาไปใส่ไอศกรีมแต่ไม่ว่าใครจะเป็นคนคิดค้น ...ไอศกรีมโคนก็ทำให้เราอร่อยกับไอศกรีมได้ในอีกรูปแบบหนึ่ง

อุณหภูมิของความสุข

อุณหภูมิองศาในชีวิตของเรา..
ก็เปรียบเหมือนอุณหภูมิของอารมณ์ต่าง ๆ...
ที่มีอยู่ในตัวของเรา.. บางครั้งก็สูง...บางครั้งก็ต่ำ..


อุณหภูมิในหัวใจของเราก็เช่นนั้น..
บางครั้งก็สุข..บางครั้งก็ทุกข์.. อุณหภูมิที่มีอยู่ในใจของเรา..
หากเปรียบเทียบกับอุณหภูมิองศาทั่ว ๆ ไป.. จะพบว่า.. อุณหภูมิที่สูง..จะทำให้เรารู้สึกร้อน..
อุณหภูมิที่ต่ำ..จะทำให้เรารู้สึกเย็น..


หากอุณหภูมิในหัวใจเรา..
ประกอบไปด้วย.. อุณหภูมิของความโลภสูง...
ก็จะทำให้ไฟคือความอยาก..เกิดขึ้นในหัวใจเรา..
ถ้าอุณหภูมิของความโกรธสูง..
ก็จะทำให้ไฟคือความโกรธ..เผาร้อนในหัวใจเรา..



แต่ตรงกันข้าม..
หากอุณหภูมิในหัวใจของเรา.. ประกอบไปด้วย.. ความโลภ..ความโกรธ..ความหลง.. ต่ำลง..หรือลดน้อยลง.. ก็จะทำให้อุณหภูมิในหัวใจของเราเย็นลง..
อุณหภูมิของความสุขก็เช่นเดียวกัน.. หากเราใช้ธรรมะควบคุม..
ก็จะทำให้อุณหภูมิความทุกข์ของเราลดลง..


หากเกิดปัญหาต่าง ๆ ในชีวิต..
เราต้องรู้จักที่ปรับเปลี่ยนอุณหภูมิองศาในหัวใจของเ รา..
ให้ได้ระดับปกติกึ่งกลาง..แบบพอดี ๆ.. คือไม่ให้อุณหภูมิสูงจนเกินไป..
จนทำให้ใจรู้สึกร้อนรน..เป็นทุกข์.. หรือไม่ให้อุณหภูมิต่ำจนเกินไป..
จนทำให้ใจรู้สึกหนาวเหน็บ..เจ็บช้ำใจ.. แต่จงให้พยายามทำใจ..
ให้อยู่ระดับอุณหภูมิองศาปกติ..กึ่งกลาง..
และรู้จักวิธีทำใจให้เตรียมรับอารมณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น.. รู้เท่าทันอารมณ์..อย่างเข้าใจ..

ออกจากความเคยชิน

"คุณจะลำบากไป ๑๐ ปี การเงินจะชักหน้าไม่ถึงหลัง สุขภาพก็จะไม่สู้ดี"
หมอดูทำนายอนาคตให้ลูกค้าคนหนึ่ง "หลังจากนั้น ผมจะสบาย มั่งมีศรีสุขใช่ไหม หมอ?" "เปล่า หลังจากนั้นคุณจะชินไปเอง" ไม่ว่าความทุกข์จะมาในรูปไหน คนเรามักมีความสามารถในการปรับตัวปรับใจให้คุ้นเคย จนความทุกข์นั้น ๆ กลายเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่ทนไม่ได้นั้น ส่วนใหญ่มักเป็นเพราะมีเวลาปรับตัวน้อยเกินไป หรือว่ายังไม่ทันปรับตัวจนคุ้นเคย ก็คิดสั้นไปเสียก่อน คนที่ประสบเหตุจนตาบอด หูหนวก แม้จะทุกข์เพียงใด แต่เมื่อเวลาผ่านไป จิตใจก็กลับเป็นปกติ บางครั้งกลับมีความสุขกว่าคนปกติธรรมดาด้วยซ้ำ ส่วนคนที่ติดคุกติดตาราง ทีแรกก็อึดอัดระทมทุกข์ แต่ไม่ช้าไม่นานจะเริ่มรู้สึกว่าคุกนั้นเป็นเสมือนบ้าน คนที่อกหักรักคุดก็เช่นกัน สักพักก็จะทำใจได้ ยิ้มร่าได้เหมือนก่อน ความเคยชินทำให้เรามีภูมิต้านทานต่อความทุกข์หรือสิ่งไม่พึงปรารถนา คนที่ไปทำงานในปั๊มน้ำมันหรือเล้าหมู ใหม่ ๆ จะรู้สึกเหม็นตลบอบอวล แต่อยู่ไปนาน ๆ จมูกกลับไม่ได้กลิ่นเหล่านั้นเลย ความเคยชินนั้นสามารถแปรความทุกข์ให้กลายเป็นความไม่ทุกข์ เปลี่ยนปัญหาให้กลายเป็นเรื่องธรรมดา นั่นเป็นข้อดีของความเคยชิน แต่ข้อเสียก็มีอยู่ไม่น้อย บ่อยครั้งความเคยชินก็ทำให้ปัญหาถูกบดบังและเรื้อรัง จนแก้ได้ยาก หรือก่อผลเสียหายในที่สุด
คนที่เคยชินกับการนั่งหรือยืนผิดท่า จะไม่รู้ตัวเลยว่ากระดูกและกล้ามเนื้อเสียรูปไปแค่ไหนแล้ว นานเข้า ๆ โครงสร้างของร่างกายก็จะเสีย จนยากจะแก้ไข แถมยังก่อความเจ็บปวดทรมาน บางคนเดินตัวเอียง จนใครเห็นใครก็ทัก แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้สึกผิดปกติ นั่นก็เพราะเคยชินกับการเดินอย่างนั้นมานานนับสิบปี ยิ่งวันก็ยิ่งเอียงจนเหมือนหอเอียงปิซ่า ถึงตอนนั้นก็สายเกินแก้แล้ว เจ้านายที่เครียดเป็นกิจวัตร มักไม่ค่อยรู้ตัวว่าตนเองขี้หงุดหงิดแค่ไหน เพราะนอกจากตัวเองจะทำเป็นนิสัยแล้ว คนรอบข้างก็เคยชินด้านชาจนไม่รู้สึกรู้สาไปเสียแล้ว ฟังดูก็เหมือนดี แต่ที่จริงไม่ใช่เลย เพราะนับวันท่านก็จะเครียดง่ายขึ้น ถี่ขึ้น จนโรคหัวใจถามหา การทำหรืออยู่กับสิ่งที่เคยชินปีแล้วปีเล่า จึงไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป บางครั้งก็มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนไปสัมผัสกับสิ่งใหม่ หรือสภาพแวดล้อมอย่างใหม่ดูบ้าง คนชอบเครียด ลองเปลี่ยนเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนเที่ยวดูบ้าง อาจพบว่าตัวเองเอาจริงเอาจังมากเกินไป ยิ่งอยู่กับเพื่อนที่สบาย ๆ ง่าย ๆ มากเท่าไร ก็ยิ่งเห็นความติดยึดหยุมหยิมขี้กังวลของตนมากเท่านั้น แล้วจะตระหนักว่าควรรู้จักปล่อยวางเสียบ้าง สำหรับคนที่เป็นเจ้านาย การรับลูกน้องใหม่ ๆ มาทำงาน อาจช่วยให้ตนเห็นปัญหาในหน่วยงานของตนชัดขึ้น เพราะคนที่เข้ามาทำงานใหม่นั้น จะเห็นปัญหาที่สะสมในหน่วยงานได้ชัดเจนกว่าคนที่อยู่นานจนเคยชินกับปัญหา ของที่วางระเกะระกะในห้องนั้น คนที่คุ้นเคยย่อมไม่รู้สึกเป็นปัญหา เพราะเดินหลบจนคล่องแคล่ว แต่ถ้าให้คนใหม่เข้ามาในห้อง ง่ายที่เขาจะเดินเตะหรือเดินสะดุด การลองทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่คุ้นเคยดูบ้าง จะช่วยให้เราเห็นข้อจำกัดของตัวเอง นอกจากจะทำให้เราอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่รู้สึกอหังการ์ว่าข้าเก่งทุกเรื่องแล้ว ยังช่วยให้เราพัฒนาศักยภาพใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตและการทำงาน แม้กระทั่งการเปลี่ยนเส้นทางไปที่ทำงาน จากเดิมที่ใช้ชั่วนาตาปี ไม่เพียงแต่จะช่วยลดความจำเจ ยังอาจเปิดตาให้เราเห็นอะไรใหม่ ๆ สองข้างทาง แทนที่จะชินชากับเส้นทางเดิม กบนั้นเก่งในการปรับตัว เอากบไปวางไว้ในหม้อที่ตั้งอยู่บนกองไฟ มันจะปรับตัวให้ชินกับความร้อนที่เพิ่มขึ้น ๆ แต่พอถึงจุดหนึ่ง มันจะทนไม่ไหวและตายไปในที่สุด ในสถานการณ์อย่างนี้ ทางออกที่ดีที่สุดคือกระโดดออกจากหม้อขณะที่ยังมีเวลา
ตอนนี้เราเป็นเหมือนกบในหม้อที่ร้อนระอุหรือไม่ ถ้าใช่ น่าจะคิดได้แล้วว่าถึงเวลากระโดด ออกจากหม้อหรือยัง

เมื่อคุณอกหัก

ร้องไห้ไม่ยอมหยุด
ใครก็ตามที่เมื่อมีเรื่องเสียใจมากๆ ก็ร้องไห้ไม่ยอมหยุดแม้ว่าจะไม่สะอื้นฮักๆออกมา แต่ก็มีน้ำตาคลอจนดวงตาแดงก่ำไปหมด แสดงว่าเป็นคนที่จริงจังในชีวิต เมื่อเชื่อถืออะไรสักอย่าง ก็จะเชื่อมั่นอย่างนั้นไปตลอดกาล เป็นคนซื่อสัตย์ เกลียดการโกหกหลอกลวง และจะรับไม่ได้เลยกับการเอาเปรียบ ฉ้อโกง หรือรังแกกันและกัน แต่เมื่อผ่านวิกฤติการณ์ไปแล้ว หรือหลังจากผ่านการร้องไห้อย่างหนักไปแล้ว คนแบบนี้มักจะตัดใจหรือตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด



เก็บตัวเพียงลำพัง

ส่วนคนที่เวลามีเรื่องเสียใจ ก็ชอบหลีกหนีผู้คนไปอยู่เพียงลำพัง เก็บตัวเงียบๆไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับใคร แสดงว่าเป็นคนสะเทือนใจง่าย ช่างคิด ชอบใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล มักมีโลกส่วนตัวซึ่งยากที่ใครๆจะเข้าถึง ติดนิสัยปิดกั้นตัวเอง แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์คับขันอย่างแท้จริง ก็จะเป็นผู้ที่มีความอดทนสูงอย่างไม่น่าเชื่อ อีกอย่างหนึ่งคือเป็นคนที่มีใจรักศิลปะ


อาละวาดหรือปาข้าวของ

แต่ถ้าใครเสียใจมากๆแล้วแสดงออกด้วยการโยนข้าวของหรืออาละวาดพาลเกเรกับคนอื่น แสดงว่าเป็นคนที่มักมีวัยเด็กขาดความอบอุ่น โตขึ้นจะมีนิสัยเรียกร้องความสนใจ จะมีความต้องการความรัก ความห่วงใยจากคนอื่นค่อนข้างมาก ชอบตอบโต้ผู้อื่นด้วยการแสดงท่าทีก้าวร้าว แต่ในใจลึกๆแล้ว กลับไม่ใช่คนเก่งกล้าอะไรเลย ค่อนข้างจะอ่อนแอด้วยซ้ำไป ส่วนคนที่เวลาเสียใจไม่อาละวาดทำร้ายคนอื่น แต่กลับทำร้ายตัวเองแทน จริงๆแล้วแสดงว่าเป็นคนขี้กลัว มักจะมีท่าทางเรียบร้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น แต่ใจลึกๆกังวลและกดดัน จะเป็นคนที่ชอบการแสดงออกอย่างตรงกันข้าม เช่นกลัวก็จะทำเป็นกล้า ไม่พอใจ ก็จะทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และบางคนก็อาจจะชอบเก็บตัวอยู่ในที่ที่รู้สึกว่าปลอดภัย แต่ในที่สุดแล้ว ก็ต้องการความรักและความเห็นใจจากคนอื่นๆมากเช่นกัน


ทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ส่วนคนที่เวลาเสียใจ ก็จะยิ่งทำตัวเข้มแข็ง เฮิร์ทแค่ไหนก็ทำเป็นปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในชีวิตซักหน่อย นั่นแสดงว่าเป็นคนที่มีความหยิ่งอยู่ในตัว เป็นคนคิดมากเรื่องศักดิ์ศรี ไม่ชอบการตกเป็นเป้าสายตาใครในเรื่องเสียหาย และจะมีความเชื่อมั่นมากว่าตัวเองสามารถควบคุมสถานการณ์ต่างๆในชีวิตของตัวเองได้ เมื่อมีปัญหาจะพยายามแก้ไขด้วยตัวเองก่อนที่จะร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น


ออกเที่ยวหรือพบปะเพื่อนฝูงมากๆ

สำหรับคนที่เสียใจแล้วไม่ชอบอยู่คนเดียว ต้องออกไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ หรือเริ่มติดต่อไปหาเพื่อนฝูงแบบว่าที่ยังไๆก็ขอให้มีคนอื่นอยู่ด้วย แสดงว่าเป็นคนที่รู้จักตัวเองดี รู้ว่าตัวเองมีเป้าหมายอย่างไรบ้างในชีวิต ต้องการอะไรกันแน่ เวลาทำอะไรก็จะผลักดันให้ตัวเองไปสู่เป้าหมายจนกว่าจะสำเร็จ เป็นคนที่ควบคุมตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม แม้ว่าลึกๆแล้วจะเจ็บปวดหรืออ่อนไหวแค่ไหน ก็จะอดทนไม่ยอมแพ้จัดว่าเป็นคนที่มีวุฒิภาวะสูงมากทีเดียว


ทำงานอย่างหนัก

ส่วนคนที่พอมีเรื่องเสียใจก็มุมานะทำงาน แสดงว่าเป็นคนที่ชอบการลิขิตชีวิตตัวเอง ไม่เชื่อเรื่องของพรหมลิขิตหรอืโชคชะตา จะภูมิใจมากในสิ่งที่ตัวเองหามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงคนแบบนี้เมื่อรักใครก็จะทุ่มเทจนหมดกายหมดใจแต่ถ้าหมดรักใครก็จะตัดใจได้อย่างเด็ดขาดเช่นกัน และถ้าหากมีความสุขมากๆ ก็จะชอบแบ่งปันให้คนอื่น เพราะเป็นคนที่รักและจริงใจเพื่อนพ้องและครอบครัว ตราบใดที่คนอื่นๆไม่เข้ามาจุ้นจ้านยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวมากเกินไป



หาทางแก้แค้น (กรณีคนอื่นทำให้เสียใจ)
และถ้าใครมี่เวลาเกิดเรื่องทำให้เสียใจ ก็จะคิดไปถึงเรื่องการแก้แค้น โต้ตอบเอาคืน ทำอะไรไม่ได้ ขอสาปแช่งก็ยังดี (กรณีเสียใจเพราะผู้อื่น)เรียกง่ายๆว่าถือคติ"กรรมต้องสนองด้วยการของเวรเท่านั้น) แสดงว่ามักเป็นคนลุ่มหลงอะไรง่าย จนบางครั้งหลงผิดอยู่บ่อยๆแต่ก็ไม่รู้ตัว จะเป็นคนซีเรียสในเรื่องสมบัติทรัพย์สิน เป็นคนไม่ยอมคน หรือบางทียอมหักไม่ยอมงอด้วยซ้ำไป แต่ถ้ารักใครก็รักจริงเอามากๆ

วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2552

การทำงานของคอมพิวเตอร์

1.อุปกรณ์ใดถือเป็นหม้อเเปลงไฟฟ้าของคอมพิวเตอร์ เเละมีหน้าที่อะไร
ตอบ Power Supply มีหน้าที่เป็น หม้อแปลงไฟฟ้าของระบบ เนื่องจาก อุปกรณ์ทุกชิ้น ที่ติดตั้งอยู่ภายใน PC นั้น จะต้องได้รับ ไฟฟ้าหล่อเลี้ยง มาจาก Power Supply ด้วยกันทั้งสิ้น .


2.ภายใน PC จะประกอบด้วยส่วนต่างๆมากมาย เเต่ส่วนใดถือเป็นศูนย์กลางในการทำงานของคอมพิวเตอร์ เเละมีหน้าที่การทำงานอย่างไร
ตอบ Microprocessor มีหน้าที่ในการจัดการคำสั่ง และการประมวลผลที่มีความซับซ้อน เป็นอย่างมาก ถ้าเราเปรียบ PC กับการทำงานของมนุษย์แล้ว เราจะเปรียบ CPU ได้เท่ากับเป็นสมองของมนุษย์เลยทีเดียว คุณคงจะคุ้นเคยกันดี เวลาเลือกซื้อ PC ที่มักจะต้องคำนึงถึง CPU กันก่อน ว่าจะเลือกใช้ Pentium III, Celeron หรือ Athlon ซึ่งนี่ก็คือตัวอย่าง ที่แสดงให้เห็น ถึงความสำคัญของ CPU ได้เป็นอย่างดี .


3.สิ่งเเรกที่ต้องคำนึงก่อนการเลือกซื้อ PC คือ? เพราะอะไร?
ตอบ Central Processing Unit (CPU) เพราะถือเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด และเป็นศูนย์กลาง การทำงานของ PC ตัว CPU นั้น ถือว่าเป็น microprocessor ประเภทหนึ่ง ที่มีความสามารถ ในการจัดการคำสั่ง และการประมวลผลที่มีความซับซ้อน เป็นอย่างมาก.


4.Power Supply ถือเป็นหม้อเเปลงของระบบ หาก Power Supply มีปัญหา จะเกิดอะไรขึ้นกับคอมพิวเตอร์ เเละมีวิธีการเเก้อย่างไร อธิบาย
ตอบ คอมพิวเตอร์ไม่สามารถใช้งานได้ เนื่องจากไม่มีการไหลเวียนของกระเเสไฟฟ้า

วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สำหรับแม่น้อยกว่านี้ได้ยังไง !!!

ตั้งเเต่เล็กจนโต เเม่เป็นคนที่เลี้ยงดู ดูเเลจนเติบโต.
เป็นคนที่ดูเเลเมื่อยามเจ็บไข้ได้ป่วย
คอยพาไปหา หายาให้
พอโตขึ้นมาก็ส่งให้ได้เรียนหนังสือ ได้เรียนในที่ๆเเม่คิดว่าดีที่สุด
ลูกไม่มีอะไรที่จะตอบเเทนให้เเม่ ได้มากไปกว่าการตั้งใจเรียน
เเละทำให้เเม่ภูมิใจในตัวลูกมากที่สุด

ในวันเเม่ปีนี้สิ่งที่ลูกพร้อมที่จะให้เเม่คือการประพฤติตัวของลูกเอง
ลูกสัญญาว่าจะเป็นคนดี ทำให้เเม่ภูมิใจในตัวลูกมาที่สุด


รักเเม่นะค่ะ !!!!

วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2552

คนน่ารัก <<>> เเนะนำตัว !

เเนะนำตัวกันหน่อยนะค่ะ !!

ชื่อ นางสาวสุธิดา จันทวี
เพื่อนๆเรียก>>> ปลายฝน <<อินเทรน์มาก>> !!
เรียนที่ อาเวมารีอา
ชั้น ม .4/3 เลขที่ 13 นะค่ะ
ใครเเนะนำให้ทำนะเหรอ ?? คุณครูวีระชน ไพสาทย์ ไง >>


ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะค่ะ
ดีใจ ! มากๆๆๆๆ ที่ได้มีบล๊อคเป็นของตัวเองซักที ว้าว ว ว ว ว
อิอิ
ตอนเเรกนึกว่าจะยากซะอีก เเต่ไม่เลย!
เเค่กดคลิ๊กๆๆๆๆ ก็ได้เเล้ ว วว
ยังไงว่างๆๆๆๆ ก็เเวะมาทักทายกันบ้างนะค่ะ !! ~~~